ไนท์บริดจ์ ไพร์ม รัชโยธิน Sold Out!
ด้วยฟังก์ชั่นและพื้นที่ที่ตอบโจทย์ WFH ดูเหมือนจะยิ่งทำให้ ไนท์บริดจ์ ไพร์ม รัชโยธิน (KnightsBridge Prime – Ratchayothin) คอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ของพาร์ค ลักชัวรี่ในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ขายดีเทน้ำเทท่า ล่าสุด สร้างเสร็จยังไม่ทันถึงปี โครงการมูลค่า 1,600 ล้านบาท ก็สร้างปรากฏการณ์ Sold Out! ไปเรียบร้อย
กิตติชัย อัศวเกศมรกต กรรมการผู้จัดการ แห่งพาร์ค ลักชัวรี่ เป็นปลื้ม แว่วว่าไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธิน (KnightsBridge Space Ratchayothin) ที่ตั้งอยู่ติดกันก็ขายดีต่อเนื่อง ฮอตขนาดนี้ เดี๋ยวจะมีข่าวดีอีกหรือไม่ รอติดตามได้ทาง Park Luxury ได้เลย
และยังมีข่าวดีอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด
“โนมูระ” มั่นใจลุยร่วมทุน “ออริจิ้น” เพิ่มต่อเนื่อง! หนุนมูลค่าร่วมทุนคอนโดสะสมทะยาน 34,000 ล้าน
“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” ปิดดีลร่วมทุน “โนมูระ เรียลเอสเตท” เพิ่มอีก 1 โครงการ ลุยคอนโดไฮเอนด์แบรนด์ใหม่ “โซโห แบงค็อก รัชดา” มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท หลังยักษ์อสังหาฯญี่ปุ่นเห็นสัญญาณบวกตลาดอสังหาในไทยและมั่นใจผลงานพันธมิตร กำไรแกร่งขึ้นระดับ TOP 3 กลุ่ม หนุนมูลค่าโครงการคอนโดร่วมทุนสะสมระหว่าง 2 บริษัททะลุ 34,000 ล้านบาท แย้ม “โซโห แบงค็อก รัชดา” ทำยอดขายแล้วกว่า 80%
“แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกที่ 3 แต่โนมูระยังคงมองเห็นสัญญาณที่ดีในระยะยาวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ซึ่งยังคงเป็นตลาดที่น่าสนใจระดับท็อปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะเดียวกัน ผลงานโครงการร่วมทุนในโครงการต่างๆ ที่ผ่านมา ตลอดจนผลงานไตรมาสล่าสุดของบริษัทที่ทำกำไรได้เป็นระดับ Top 3 ของกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ก็เป็นเครื่องการันตีที่ทำให้โนมูระมั่นใจและตัดสินใจเดินหน้าร่วมทุนโครงการคอนโดมิเนียมกับเราอย่างต่อเนื่อง” นายพีระพงศ์ กล่าว
จากการร่วมทุนเพิ่มเติมดังกล่าว ส่งผลให้ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ และโนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ มีการร่วมทุนกันในกลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมสะสมจากเดิม 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 32,314 ล้านบาท เพิ่มเป็น 10โครงการ มูลค่าโครงการร่วมทุนกลุ่มคอนโดมิเนียมสะสม 34,014 ล้านบาท และส่งผลให้การร่วมทุนสะสมระหว่างกันครอบคลุมในคอนโดมิเนียมทุกเซ็กเมนท์ ตั้งแต่แบรนด์คอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์อย่างไนท์บริดจ์ (KnightsBridge) แบรนด์คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่อย่างพาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) แบรนด์คอนโดมิเนียมสำหรับคน Gen Z อย่างดิ ออริจิ้น (The Origin) มาจนถึงแบรนด์ใหม่อย่างโซโห แบงค็อก (SOHO BANGKOK)
ธุรกิจ ออริจิ้น นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในวาระก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 2 ได้วางวิสัยทัศน์ให้กลายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่สามารถเติบโตไปได้อย่างยั่งยืน พร้อมรับมือทุกสภาวะความเปลี่ยนแปลงของโลก เริ่มต้นจากปี 2563 ที่จะเป็นทศวรรษแห่งการปฏิรูป (The Decade of Transformation) ปฏิรูปองค์กรสู่ลักษณะกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ปรับเปลี่ยนออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้
โดยแตกบริษัทย่อยออกมา 6 กลุ่มบริษัท เพื่อเดินหน้าใน 6 ประเภท ธุรกิจ ออริจิ้น ประกอบด้วย
1.บริษัท ออริจิ้น คอนโดมิเนียม จำกัด นำโดย นายเกรียงไกร กรีบงการ ดำเนินธุรกิจพัฒนาคอนโดมิเนียมกลุ่มสมาร์ทคอนโด มีแบรนด์หลักคือ ดิ ออริจิ้น (The Origin)
2.บริษัท พาร์ค ลักชัวรี่ จำกัด นำโดย นายสิริพงศ์ ศรีสว่างวงศ์ ดำเนินธุรกิจพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ มีแบรนด์หลักคือ ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge) และพาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN)
3.บริษัท บริทาเนีย จำกัด นำโดย นางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ดำเนินธุรกิจพัฒนาบ้านจัดสรร มีแบรนด์หลักคือ บริทาเนีย (Britania)
4.บริษัท ออริจิ้น อีอีซี จำกัด นำโดย นายอรุช ช่างทอง ดำเนินธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในแถบเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
5.บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด นำโดย นายปิติพงษ์ ไตรนุรักษ์ ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม พื้นที่ค้าปลีก สำนักงานให้เช่า โครงการมิกซ์ยูส แ
6.บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์สมัยใหม่ครบวงจร
สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 86 โครงการ (ณ สิ้นไตรมาส 2/2564) เช่น แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ดิ ออริจิ้น (The Origin) ไนท์บริดจ์ (KnightsBridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), เคนซิงตัน (Kensington) และ บริทาเนีย (BRITANIA) รวมมูลค่าโครงการกว่า 133,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ฯลฯ เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร